ไฟเขียวเอฟทีเอเปิดเสรีบริการอาเซียน-อินเดีย

Thursday, 21 November 2013 11:40
Print

ครม.ไฟเขียวไทยลงนามเปิดเสรีบริการ-ลงทุน กรอบอาเซียน-อินเดีย ปลายปีนี้ เผยไทยเปิดเสรีให้อินเดีย 7 สาขาบริการ ถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% คาดท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ก่อสร้าง มีโอกาสเพียบ...

         เมื่อวันที่ 6 พ.ย.56 นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลงด้านการค้าบริการและความตกลงด้านการลงทุน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียนกับอินเดียแล้ว และจะนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 แห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการลงนามกับอินเดียในช่วงการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ในช่วงปลายปีนี้ที่อินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ในอินเดียได้มากขึ้น และได้รับการคุ้มครองมากขึ้น

         ด้านนางจินตนา ชัยยวรรณาการ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อาเซียน-อินเดียได้เจรจาเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุนมาตั้งแต่ปี 51 และเพิ่งเจรจาสำเร็จเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งในการเปิดเสรีไทยได้เปิดเสรีให้กับอินเดียใน 7 สาขาบริการ ได้แก่ บริการธุรกิจ การสื่อสาร ก่อสร้างและวิศวกรรม การจัดจำหน่าย การท่องเที่ยวและนันทนาการ วิศวกรรมกีฬา และการขนส่ง โดยให้สามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ซึ่งน้อยกว่าที่เปิดเสรีในอาเซียนที่ให้ถือหุ้นได้ 70%

         “ไม่ต้องกังวล เพราะในการเปิดเสรีกับอินเดีย น้อยกว่าที่ไทยได้เปิดเสรีให้กับอาเซียน และการเปิดเสรีส่วนใหญ่เป็นสาขาย่อยๆ ในแต่ละสาขาบริการที่เปิดเสรี ขอให้คนไทยไม่ต้องกังวลว่าเปิดเสรีแล้วจะกระทบต่อการประกอบธุรกิจของคนไทย และในสาขาที่เปิดเสรี ส่วนใหญ่ก็เป็นสาขาที่ไทยแข่งขันได้อยู่แล้ว” รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว

         ทั้งนี้ อินเดียเปิดเสรีให้นักลงทุนอาเซียนสามารถเข้าไปถือหุ้นได้ 49-51% ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถเข้าไปลงทุนในธุรกิจบริการต่างๆ เช่น ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร การจัดประชุมสัมมนา บันเทิง นักกฎหมาย การก่อสร้าง โรงพยาบาล ที่ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว ส่วนในด้านการลงทุน ได้ตกลงที่จะให้ส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน เพิ่มการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และมีข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนได้มากขึ้น เพราะอินเดียต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก.


แหล่งข่าว น.ส.พ. ไทยรัฐ